สติ………ทำอะไรทำอะไรก็ขอให้ทำอย่างมีสติ เป็นคำพูดที่ได้ยินบ่อย มาก โดยเฉพาะให้ปัจจุบัน สาเหตุที่ได้ยินคำนี้บ่อยก็เพราะว่า ในปัจจุบัน คนขาดที่พึ่งกันมากเลยทำให้ ธรรมะที่มีอยู่กับคนไทยอย่างเรามาช้านาน ได้รับความสำคัญมากขึ้น เหตุผลที่ผมกล้าที่จะบอกว่าธรรมะได้รับความสนใจมากขึ้นก็เพราะสังเกตจากร้านหนังสือ หรือรายการทางโทรทัศน์หลายรายการมีการนิมนต์พระเพื่อมาให้ความรู้มากขึ้น ชั้นหนังสือเต็มไปด้วยแนวทางปฎิบัติหรือคำสอน จนต้องยกให้เป็นหมวดหมู่ที่ได้รับความสำคัญถึงขนาดวางโชว์ไว้ให้เห็นอย่างโดดเด่น
ย้อนกลับมาเรื่องของสติ เหตุผลที่ผมยกเรื่องนี้ก็เพราะว่าได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งของท่านก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ซีอีโอของ เซเว่น ในเรื่องของการทำงานให้มีความสุข สนุกกับการทำงาน ท่านบอกว่า คนเราใช้ชีวิตที่ทำงานมากว่าที่บ้าน หลายคนเป็นโรคกลัว วันจันทร์ แต่หรรษากับวันศุกร์ เพราะหลังจากนั้นจะเป็นเสาร์อาทิตย์ พนักงานประเภทนี้จะ ไม่มีความสุขในการทำงานทั้งที่รู้อยู่ว่า ระยะเวลา ทำงานทั้งห้าวัน กับวันหยุด สองวัน หรือบางคนหยุดแค่หนึ่งวันด้วยซ้ำ ถ้าเรา สลับกัน ทำงานห้าวันก็มีความสุข หยุดเสาร์อาทิตย์สองวัน ก็มีความสุข ชีวิตเกือบทั้งชีวิต ไม่รวมชีวิตช่วงเกษียณ นะ จะเป็นชีวิตที่มีความสุขขนาดไหน แค่นี้ก็ปาไปแล้ว ค่อนชีวิต
ถ้าเรามีความสุขอยู่กับชีวิตปัจจุบัน การกระทำปัจจุบัน นั่งทำงานก็มีความสุข นั่งประชุมอยู่ก็รู้ว่าประชุมอยู่ไม่ไปคิดถึงเรื่องอื่น ความคิดก็ไม่ฟุ้งซ่าน ทำให้การทำงานมีความสุข กินข้าวก็รู้ว่ากินข้าว เคี้ยวก็รู้ว่าเคี้ยว เชื่อไหมครับว่าแค่นี้ก็สามารถทำให้ชีวิตมีความสุขได้แล้ว
สิ่งนี้เองที่ ซีอีโอแนวหน้าของประเทศได้กล่าวไว้ความจริงท่านไม่ได้กล่าวไว้ละเอียดและ ยกตัวอย่างขนาอนี้แต่ที่ยกตัวอย่างมาก็เพื่อที่จะได้มองเห็นภาพได้ง่ายขึ้น ซึ่งหลักการดังกล่าวแล้วสำหรับผู้ที่นับถือ และปฏิบัติตนในศาสนาพุทธก็จะรู้ว่าเป็นหลักของการเจริญสตินั่นเองซึ่งไม่ได้พึ่งเกิดขึ้น แต่ว่าเกิดขึ้นมามากกว่าสองพันปี แต่ผู้ที่รู้และนำไปปฏิบัติยังไม่มากเท่าที่ควร ทั้งที่ ตายก่อน หรือยังไม่ตายแต่ก็ยังไม่ปฏิบัติ
ในฐานะที่ผมก็เป็นมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดา เดินดินกินก๋วยเตี๋ยว เที่ยวกลางคืนบ้าง แต่ก็ยังสนใจธรรมะ อยากจะพูดถึงเรื่องของการเจริญสติโดย มุมมองของคนทางโลกหน่อย
หลายคำถาม ถามว่าทำยากไหมผมตอบได้เลยครับว่ายาก เพราะการที่จะให้เราๆ ท่านๆ จดจ่ออยู่กับสิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นเวลานานๆ หรือว่าตลอดระยะเวลาที่กำหนด นั้นยากยิ่งกว่าสิ่ง ใด แต่จะยากจะง่าย ต้องลองทำดูครับแล้วรู้ว่ามันยากหรือว่าง่าย ที่บอกว่ายากเพราะว่า ตอนนี้สิ่งเร้าสิ่งยั่วมันเยอะ การที่เรา ยังอยู่ในสังคมที่มีสิ่งเร้าเกิดขึ้นมากมาย ยังไงๆ ก็ยาก สอง เรายังมีความอดทนยังน้อยอยู่ (มาก) เพราะ เราไม่ชอบอดเปรี้ยวๆวไว้กินหวาน (กินมันทั้งเปรี้ยวๆนี่แหละ)ไม่รู้ว่ามันจะหวานตอนไหนๆ ก็เลยซัดซะตอนที่มันเปรี้ยวเลย แต่ก็ไม่โทษใครหรอกครับ เพราะผู้ที่ไม่ปฎิบัติย่อมไม่รู้รสชาติของความหอมหวาน อันที่จริงผมก็ไม่เคยหรอกครับว่ามันหอมหวานจริงหรือไม่เพียงแต่ว่า ผมเชื่อว่ามันหอมหวาน ก็เลยกล้าเขียน ว่ามันหอมหวาน ยังไงๆ ผมก็อยากให้ลองครับ แล้วผมเองในฐานะที่ เชื่อก็จะลอง ดูซักครั้งว่ามันเป็นอย่างที่เชื่อหรือไม่